สัปดาห์นี้เราจะพาท่านไปเจาะลึก อักษรสุดท้ายในซีรี่ส์ VUCA world ที่กล่าวถึง A (Ambiguity) หรือสถานการณ์ที่มีความคลุมเครือ
ท่านเคยตัดสินในสถานการณ์ที่มีความคลุมเครือหรือไม่ การตัดสินใจของคนเรา จะด้อยประสิทธิภาพลงเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่คลุมเครือ ในสภาวะที่การตีความสามารถเกิดขึ้นได้มากกว่าหนึ่งความหมาย ทำอย่างไรถึงจะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดตามไปพร้อม ๆ กัน
ในบทความนี้จะกล่าวถึงตัวสุดท้ายของ VUCA WORLD คือ ตัว A (Ambiguity) หรือสถานการณ์ที่มีความคลุมเครือ รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งลักษณะของการเกิดความคลุมเครือจะมีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน (Uncertainty) เพราะเมื่อจำแนกอนาคตที่ไม่แน่นอนออกมา จะเห็นได้ว่าอนาคตที่คลุมเครือถูกจัดอยู่ในอนาคตที่ไม่มีความแน่นอนระดับที่ 4 (สามารถอ่านได้ในหัวข้อบทความ ยิ่งไม่แน่นอน ยิ่งยากจะคาดเดา)
ความคลุมเครือ (Ambiguity) คือ สภาวะที่การตีความเป็นไปได้มากกว่าหนึ่งความหมาย เช่น ภาพคนแก่หรือหญิงสาว ภาพที่คนหันหน้าเข้าหากันหรือเป็นแจกันที่วางไว้ตรงกลาง เหล่านี้เป็นภาพที่มองได้หลายมุมมอง แต่ละคนจะตีความไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ สามารถแปลว่าความไม่ชัดเจน Unclear และแปลว่าความไม่รู้ Unknown ได้อีกด้วย เช่น ความไม่ต่อเนื่องทางสังคม เศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือแม้แต่วิวัฒนาการของตลาดที่เพิ่งก่อตัว หากขาดข้อเท็จจริง ไม่มีหรือไม่ทราบข้อมูลที่จะใช้ประกอบการตัดสินใจ สถานการณ์นั้นๆเรียกว่าความคลุมเครือ
การใช้อารมณ์และความรู้สึกตัดสินใจรวมถึงการตีความสถานการณ์บางอย่างแบบไม่มีเหตุผลรองรับก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความคลุมเครือ เช่น สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด19 ไม่สามารถระบุได้เลยว่ามีคนเป็นแน่ๆแล้วกี่คน ความกลัวที่มีต่อคนที่เรานั่งคุยด้วยหรือที่ทำงานอยู่ด้วยว่าจะติดเชื้อแล้วหรือยัง ภายใต้สถานการณ์ที่ดำเนินไปอย่างปกติสุขหลังช่วงเวลาหลังปลดล็อกดาวน์ภายในประเทศอาจคิดไปเองว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อแบบทวีคูณจนรัฐบาลต้องประกาศปิดประเทศอีกครั้ง เป็นต้น
ทางออกของความคลุมเครือต้องแก้ด้วย Agility หรือการตัดสินใจที่รวดเร็วอย่างชาญฉลาด ซึ่งคำว่า Agility แบ่งได้เป็น 2 อย่าง คือ ความว่องไว Speed และความยืดหยุ่น Flexibility โดยนำสถานการณ์มาวิเคราะห์และตัดสินใจให้ไวด้วยความมั่นใจ หากมีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาจะต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ใช้ความฉลาดหาแผนสำรองฉุกเฉินแก้ไขให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวิสัยทัศน์ขององค์กร
องค์กรที่สามารถแสวงหาโอกาสจากความคลุมเครือได้มักเป็นองค์กรที่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่คลุมเคลือนั้นได้ชัดเจนกว่าและรวดเร็วกว่าองค์กรอื่นๆ ซึ่งมักเป็นผลมาจากการสังเกต การวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งผ่านการมองด้วยมุมมองที่หลากหลาย การลองผิดลองถูกผ่านการเรียนรู้จากการทดสอบต้นแบบไอเดียที่คาดคิดไว้ ปรับปรุงการคิดและมุมมองจนทำให้เข้าใจสิ่งที่คลุมเครือนั้นได้ชัดเจนมากขึ้นและมากกว่าองค์กรอื่นๆ
ดังนั้นการตีความสถานการณ์ว่าถูกต้องหรือไม่ ต้องให้ผู้มีส่วนได้เสียมาแสดงความเห็นร่วมกัน เพราะความสามารถในการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่คลุมเครือจะด้อยประสิทธิภาพลง การวางแผนพูดคุยให้ได้เห็นหลายๆมุมมองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควบคู่ไปกับการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและการปรับตัวได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เข้ามา